ทัวร์

ทัวร์

เลนส์ปรับเปลี่ยนทางยาวโฟกัสได้ หรือ Zoom Lens

 

Zoom 24-85mm F3.5-4.5

 

Zoom 28-105mm F3.5-4.5

 

Zoom 75-300mm F4.5-5.6

Zoom Lens

ในการถ่ายภาพแต่ละภาพนั้นวัตถุที่เราจะถ่ายมักมีขนาดที่แตกต่างกันใหญ่บ้างเล็กบ้างเพื่อบันทึกลงบนแผ่นฟิล์มขนาดเดียวกัน บางครั้งเราต้องถ่ายเน้นเฉพาะจุดที่น่าสนใจเช่นถ่ายภาพนางแบบกับธรรมชาติ บางภาพก็ต้องการเก็บรายละเอียดของภาพให้มากที่สุดเช่นการถ่ายภาพวิวส์ เลนส์ไวด์นั้นเก็บภาพได้กว้างกว่าภาพวัตถุที่ได้ก็จะมีขนาดเล็กลงอย่างเดียว เลนส์เทเลก็ขยายให้ภาพใหญ่ได้อย่างเดียว ดังนั้นการที่เราจะถ่ายภาพให้ได้ทุกสถานการณ์ ช่างภาพจะต้องเตรียมเลนส์ไปหลายขนาดเพื่อให้ครอบคลุมการถ่ายภาพวัตถุในทุกขนาด

เพื่อความสะดวกต่อการใช้งานทางบริษัทผู้ผลิตเลนส์ได้ผลิตเลนส์ที่สามารถปรับเปลี่ยนความยาวโฟกัสหลายขนาดมาให้เราได้ใช้กัน มันคือ Zoom Lens เรามักจะได้ยินคำว่าการซูมภาพมันคือจากคำว่า Zoom นี่เอง ซูมถูกผลิตออกมามากมายหลายขนาดเพื่อให้สะดวกต่อการใช้งานเช่น Zoom 28-105 mm F3.5-4.5  ความหมายคือ เลนส์ตัวนี้มีความยาวโฟกัสสั้นสุดที่ 28 มม.ซึ่งเป็นช่วงของเลนส์ไวด์เหมาะสำหรับการถ่ายภาพวิวทิวทัศน์, ความยาวโฟกัสยาวสุดคือ 105 มม. ซึ่งเป็นช่วงของเลนส์เทเล เหมาะสำหรับการถ่ายภาพบุคคลและภาพที่ต้องการขนาดวัตถุใหญ่ ระยะระหว่าง 28 ถึง 105 มม. เราสามารถเปลี่ยนความยาวโฟกัสได้ทุกขนาดที่เราต้องการเช่น 32 มม, 40 มม, 90มม, 100มม และ 50 มม.ซึ่งเป็นช่วงของความยาวโฟกัสมาตรฐาน การซูมหรือการปรับเปลี่ยนความยาวโฟกัสทำโดยการดึงกระบอกเลนส์เข้าหาตัว หรือการดันกระบอกเลนส์ออกจากตัว หรือการหมุนวงแหวนเพื่อเปลี่ยนขนาดความยาวโฟกัส จะปรับโดยวิธีใดขึ้นอยู่กับการออกแบบของแต่ละยี่ห้อแต่ละรุ่นที่ออกแบบมาไม่เหมือนกัน เราซึ่งเป็นผู้ซื้อจะต้องเป็นผู้เลือกว่าสะดวกต่อการใช้งานแบบไหน แล้วก็เลือกเลนส์ที่เราคิดว่าถนัดที่สุด

ตัวเลข F3.5-4.5 คือ ความไวแสงของเลนส์ หรือขนาดหน้ากล้องกว้างสุดของเลนส์ ที่ความยาวโฟกัสสั้นที่สุด 28 มม. มีความไวแสงหรือหน้ากล้องกว้างสุดที่ F3.5 ,ที่ความยาวโฟกัสยาวสุดที่ 105 มม. ความไวแสงคือ F4.5 ( ความไวแสงลดลง ) สาเหตุที่ความไวแสงลดลงทั้งๆ ที่มีขนาดช่องรูรับแสงอันเดียวกันขนาดเดียวกัน ทั้งนี้ก็เพราะว่าเมื่อความยาวโฟกัสเพิ่มมากขึ้นทำให้ระยะห่างของเลนส์มีมากขึ้น แสงเดินทางผ่านกระบอกเลนส์ที่ยาวขึ้นจึงเกิดการสูญเสียความสว่างไป เหมือนกับที่เราส่องไฟฉายหาเหรียญบาทบนพื้นย่อมสว่างกว่าการส่องหานกบนยอดไม้สูง ทั้งๆ ที่ไฟฉายอันเดียวกัน

ซูมถูกออกแบบมาเพื่อความสะดวกสบายบนพื้นฐานของคุณภาพที่พอใช้งานได้แต่ไม่อาจจะเทียบได้กับเลนส์ที่มีความยาวโฟกัสเดียว เช่น 28 มม, 35 มม, 105 มม.

การปรับทางยาวโฟกัสแต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อออกแบบไม่เหมือนกันบางรุ่นดึงบางรุ่นดันบางรุ่นหมุนทวนเข็มบางรุ่นหมุนตามเข็ม ขึ้นแต่ละยี่ห้อ การปรับความชัดของภาพก็เช่นเดียวกันยี่ห้อหนึ่งหมุนตามเข็ม อีกยี่ห้อหมุนทวนเข็ม กล้องยอดนิยมอย่าง Canon กับ Nikon ก็หมุนกลับทางกัน อันนี้เป็นรายละเอียดปลีกย่อยที่ออกแบบมาเพื่อเป็นเอกลักษณ์ของตนเอง รักใครชอบใครก็เลือกกันเอง

นอกจากทิศทางการหมุนปรับความชัดแล้ว จุดต่อของเลนส์ก็ถูกออกแบบมาเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของแต่ละยี่ห้อด้วย เวลาซื้อเลนส์ก็ต้องระบุด้วยว่านำไปสวมเข้ากับกล้องยี่หออะไรหรือเมาท์อะไรเช่น เมาท์นิคอน เมาท์แคนนอน เมาท์แพนเทค แต่ละยี่ห้อก็ต่างกันไปเพื่อดึงลูกค้าที่ใช้กล้องของตนให้ใช้เลนส์ของตนด้วย ดังนั้นจงอย่าเข้าใจผิดว่าเลนส์ตัวเดียวสามารถใช้ได้กับกล้องทุกยี่ห้อ หากจะหยิบยืมเลนส์ใครก็ต้องเป็นเลนส์ที่มีเมาท์เดียวกันกับกล้องของเราด้วย ยืมไม่ดูตาม้าตาเรือเดี๋ยวหน้าแตกเผยไต๋ว่าเราไม่รู้เรื่อง

เลนส์ซูมผลิตออกมามากมายหลายช่วงขนาดให้เราได้เลือกใช้งาน จนจำกันไม่ไหวว่ามีขนาดไหนกันบ้าง พอจะสรุปเป็นรุ่นๆ ตามมาตรฐานที่ผมเข้าใจดังนี้คือ

1. Wide Angle Zoom คือซูมที่อยู่ในช่วงความยาวโฟกัสของเลนส์ไวด์ เช่น Zoom 17-35mm, 20-35mm เป็นต้น

2. Normal Zoom อ่านชื่อแล้วก็งงๆ มันคือซูมที่เรายกตำแหน่งให้มันเป็นเลนส์มาตรฐานแทนเลนส์มาตรฐาน ( Normal Lens 50 mm ) ที่มีประโยชน์น้อย ที่เราให้ตำแหน่งมันเป็นเลนส์ซูมขนาดมาตรฐานที่ควรมีติดกล้องเพราะผู้รู้หลายท่านได้นั่งจับเข่าคุยกันแล้วว่าซูมช่วงนี้มีประโยชน์ต่อการใช้งานมากที่สุด ผลสรุปได้ความว่าช่วงความยาวโฟกัสคือ 35-70 มม. เหมาะสมที่สุด แต่ก็มีเสียงแตกอีกว่าน่าจะเป็น 28-80 มม. ก็เลยสรุปว่าช่วงประมาณนี้ล่ะคือ Normal Zoom ที่ถือว่าเหมาะสมกับการใช้งานที่ครอบคลุมการใช้งานกว้างขวางที่สุด ถ่ายวิวส์ก็ได้โดยใช้ช่วงเลนส์ไวด์ หรือจะซูมให้ใหญ่ขึ้นมาอีก 1.5 เท่าจากขนาดมาตรฐานซึ่งพอที่จะถ่ายภาพให้ได้ภาพใหญ่ขึ้นมาอีกหน่อย หรือใครจะใช้ช่วง Normal Lens 50 mm. ก็ได้แล้วแต่สะดวก Normal Zoom นี้ทางบริษัทผู้ผลิตกล้องได้ติดซูมนี้มากับกล้องที่ขายเป็นชุด KIT ที่มีเลนส์พร้อมใช้งาน 

กล้อง Nikon ใช้ Normal Zoom ขนาด 35-70 mm.F3.5-4.5 ขายติดมากับกล้อง FE10, FM10 ส่วนรุ่นอื่นที่สเปคสูงๆ จะขายเฉพาะ Body

กล้อง Canon ใช้ขนาด 28-80 mm.F3.5-4.5 ติดมากับกล้อง EOS88, EOS888, EOS500n, EOS300 ส่วนรุ่นอื่นที่สเปคสูงๆ จะขายเฉพาะ Body

ส่วนยี่ห้ออื่นๆ ก็ใช้ซ้ำๆ กันอยู่ระหว่าง 35-70 และ 38-80 เหมือนกันครับ ใครจะใช้อะไร ชอบใจยี่ห้อใดหาข้อมูลเพิ่มเองครับ

เลนส์ซูมมาตรฐานที่ติดมากับกล้อง เป็นเลนส์รุ่นประหยัดเพื่อลดต้นทุนในการผลิต เลนส์ที่ขายเป็นตัวๆ ใช้ชิ้นเลนส์ที่เป็นแก้วทั้งหมด แต่เลนส์แถมมาจะใช้ชิ้นเลนส์พลาสติกหรืออาจจะมีชิ้นแก้วปนบ้างแล้วแต่เทคนิคการผลิต คุณภาพก็มาตรฐานสมกับราคาที่มาตรฐาน แต่ถ้าหากท่านต้องการเลนส์ช่วงนี้ที่มีคุณภาพสูงก็สามารถเลือกซื้อต่างหากไว้ใช้งาน Normal Zoom ที่ผลิตมาขายเป็นตัวๆ โดยเฉพาะจะทำจากชิ้นเลนส์ที่ดีกว่าคุณภาพดีกว่า ราคาสูงกว่า

3. Tele Zoom Zoom คือซูมที่อยู่ในช่วงความยาวโฟกัสของเลนส์เทเล  เช่น Zoom 80-200 mm, 70-210 mm,100-300 mm,60-300 mm, 200-400 mm  เป็นต้น

4. เลนส์ครอบจักรวาล  คือซูมที่ผลิตออกมาใหม่ที่มีช่วงครอบคลุมทุกช่วงความยาวโฟกัสเช่น Zoom 24-135 mm, 28-200 mm, 28-300 mm ต่อไปคงมีช่วง 14-500 mm. ก็เลยไม่รู้จะเรียกอะไรดี เอาเป็นว่าเรียกว่า ซูมครอบจักรวาล ละกันนะครับ

จะช่วงใดก็แล้วแต่ จะช่วงกว้างอย่างไรก็แล้วแต่ คุณภาพของซูมไม่ได้อยู่ที่ช่วงความยาวโฟกัสที่มากมาย แต่คุณภาพของเลนส์ซูมอยู่ที่สีสันและความคมชัดของภาพ คุณภาพของภาพในทุกช่วงซูม ซูมที่ช่วงความยาวโฟกัสสูงๆ คุณภาพก็ไม่สูงตาม ดังนั้นควรเลือกให้ได้ เพราะเราต้องการซื้อซูมไว้ถ่ายภาพ ไม่ใช่ซื้อเอาไปเป็นกล้องส่องทางไกลที่ยิ่งขยายได้มากเท่าไรยิ่งดี

เลนส์บางรุ่นที่ผลิตออกมาจะมีช่วงถ่ายใกล้มาให้ด้วย เราเรียกว่า Macro Zoom ซึ่งอาจจะเป็นช่วงของ Wide Angle Zoom หรือ Tele Zoom ก็ได้ ระบบมาโครที่ติดมากับซูมจะทำหน้าที่ให้ซูมนั้นเข้าไปถ่ายได้ใกล้กว่าที่เลนส์ทั่วๆ ไปที่ไม่มีระบบมาโครจะเข้าไปถ่ายได้ แต่ว่าระบบมาโครของเลนส์ซูมไม่สามารถถ่ายภาพได้ใหญ่เหมือนเลนส์มาโครจริงๆ เลนส์ซูมที่มีระบบมาโครเป็นเลนส์มาโครแบบแก้ขัดเพราะเข้าไปถ่ายได้ใกล้ไม่มากเหมือนอย่างที่เลนส์มาโครตัวจริงทำได้ ภาพที่ได้มาจึงไม่ใหญ่เท่าที่ควร อัตราส่วนของภาพที่ได้จากเลนส์มาโครจริงๆ คือ 1:1 หรืออย่างน้อยก็ต้อง 1:2 แต่เลนส์ซูมมาโคร ทำได้เพียง 1:5 , 1:6 , 1:10   คงจะงงแน่เลย  1:1 คือ ขนาดจริงของวัตถุที่ถ่าย : ขนาดของภาพที่ปรากฏบนแผ่นฟิล์ม   เช่น ดอกไม้ใหญ่ 10 มม. ถ้าถ่ายด้วยเลนส์มาโคร 1:1 ภาพที่ปรากฏบนแผ่นฟิล์มจะมีขนาด 10 มม. ถ้าถ่ายด้วยเลนส์ 1:2 ภาพที่ได้จะมีขนาด 5 มม, 1:10 จะได้ภาพ 1 มม. เป็นต้น

ขอสรุปให้เข้าใจว่ามาโครที่มีมากับเลนส์ซูม ไม่ใช่เลนส์มาโครอย่างที่เขาพูดถึงกัน เป็นระบบมาโครที่ช่วยให้เข้าไปถ่ายได้ใกล้ๆ ได้เท่านั้นเอง  ต้องการรู้เรื่องเลนส์มาโครกรุณาคลิกเข้าไปอ่านที่หัวข้อเลนส์มาโครนะครับ

การเพิ่มกำลังขยายของเลนส์ซูม เลนส์เทเล ทำได้โดยใส่ Tele Converter ระหว่างกล้องกับเลนส์ จะทำให้เลนส์มีกำลังขยายเพิ่มขึ้นเท่ากับจำนวนเท่าของการกำลังขยายของ Tele Converter เช่น 2x  ก็จะขยายเป็น 2 เท่าเช่นเรามีเลนส์ซูม 100-300 มม. เมื่อใส่ 2x เข้าไปก็จะกลายเป็น 200-600 มม. แต่ก็จะเสียความสว่างไป 2 stop