ทัวร์

ทัวร์

ความเร็วชัตเตอร์ Speed

 

ผลของความเร็วชัตเตอร์ ( Speed ) กับภาพถ่าย
หน้าที่หลักของความเร็วชัตเตอร์ คือ ควบคุมปริมาณแสงที่จะเข้าไปตกลงบนแผ่นฟิล์ม นอกจากนี้แล้วยังมีผลต่ออารมณ์ของภาพ ความเร็วชัตเตอร์สูงๆ จะทำให้ภาพหยุดนิ่ง ใช้สำหรับถ่ายสิ่งที่มีการเคลื่อนไหวให้ได้ภาพที่คมชัด เช่นถ่ายภาพคนขี่เจ็ตสกี ถ้าใช้ความเร็วชัตเตอร์สูงเช่น 1/1000 วินาที ภาพจะหยุดนิ่ง แต่ถ้าใช้ความเร็วชัตเตอร์ต่ำๆ เช่น 125 จะมีผลทำให้ภาพมีลักษณะการเคลื่อนไหวผ่านหน้ากล้อง กล้องจะจับภาพไม่อยู่ทำให้ขาดความคมชัดเพียงแต่จะเป็นแนวสีวิ่งแผ่นหน้ากล้อง

ทำไมความเร็วชัตเตอร์สูงๆ จึงหยุดการเคลื่อนที่ของวัตถุที่เราจะถ่ายได้

วัตถุที่กำลังเคลื่อนที่จะมีเร็วความในตัวของมันเองเป็นความเร็วหนึ่งแล้วแต่ว่าจะเคลื่อนที่ช้าหรือเร็ว ถ้าหากเราใช้ความเร็วในการจับภาพที่สูงกว่าความเร็วของวัตถุที่เราต้องการถ่าย ภาพนั้นก็จะหยุดนิ่ง  

ยกตัวอย่างการถ่ายภาพมอเตอร์ไซด์ที่วิ่งผ่านกล้อง หากเราใช้ความเร็วชัตเตอร์ 1/2 วินาที จะเห็นเป็นแนวสีวิ่งผ่านในภาพ ทั้งนี้เพราะม่านชัตเตอร์ปิดลงหลังจากที่มอเตอร์ไซด์หายไปจากกรอบของภาพแล้ว ถ้าหากเราใช้ความเร็วในการเปิดปิดรับภาพที่ไวกว่าความเร็วของมอเตอร์ไซด์ ม่านชัตเตอร์จะเปิดและปิดรับภาพเพียงเสี้ยวเวลาหนึ่งทำให้จับภาพได้เพียงจังหวะหนึ่งของการเคลื่อนที่เท่านั้น ภาพที่ได้จึงดูว่าหยุดนิ่ง

ความเร็วชัตเตอร์ช้าๆ เหมาะสำหรับถ่ายภาพที่ต้องการบ่งบอกถึงการเคลื่อนไหวเช่น น้ำตกที่ไหลเป็นสาย, พลุที่วิ่งขึ้นไปเป็นเส้นแสงแล้วแตกกระจายเป็นรูปทรงที่สวยงาม เส้นเหล่านั้นคือลูกไฟจุดเล็กๆ ที่วิ่งผ่านไปในอากาศ ระหว่างที่วิ่งไปนั้นแสงของจุดนั้นจะถูกบันทึกสะสมไว้บนแผ่นฟิล์ม ถ้าหากใช้ความเร็วชัตเตอร์สูงๆ ก็จะเห็นเพียงลูกไฟเล็กๆ เป็นจุดเท่านั้น

สรุปว่า ความเร็วชัตเตอร์สูงๆ เหมาะสำหรับภาพเคลื่อนไหวเพื่อให้หยุดนิ่ง เช่น ถ่ายภาพกีฬา ถ่ายภาพดอกไม้ที่มีการเคลื่อนไหวเพราะแรงลม

ความเร็วชัตเตอร์ต่ำๆ เหมาะสำหรับการถ่ายภาพให้มีความรู้สึกว่ามีความเคลื่อนไหว หรือต้องการสร้างอารมณ์ภาพที่แตกต่างไป

                          
ภาพแสดงความแตกต่างของการใช้ความเร็วชัตเตอร์สูงภาพซ้าย  กับความเร็วชัตเตอร์ต่ำภาพขวา

น้ำตกเหมือนกัน ตกลงมาด้วยความเร็วเท่ากัน  แต่ใช้ความเร็วถ่ายภาพต่างกัน ให้อารมณ์และความสวยงามที่ต่างกัน